30
พ.ค.
อาซาร์สั่งลาซัดเบิ้ล! เชลซีรัวครึ่งหลังดับฝันอาร์เซน่อล ผงาดซิวถ้วยยูโรปาลีก
"สิงห์บลูส์" ผงาดคว้าแชมป์ ยูฟ่า ยูโรปา ลีก ได้สำเร็จ หลังรัวสกอร์ในครึ่งหลังไล่ถลุง อาร์เซน่อล แบบเละเทะ 4-1 ในเกมนัดชิงชนะเลิศ เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา โดยเกมนี้ เอแด็น อาซาร์ เหมาคนเดียวสองประตู พาเชลซีซิวแชมป์รายการนี้เป็นสมัยที่ 2 ปล่อยให้ "ไอ้ปืนใหญ่" ต้องฝันสลายชวดคว้าแชมป์ยุโรปในรอบ 25 ปี และอดได้สิทธิ์ไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้่ยนส์ ลีกในซีซั่นหน้า
สนาม : บากู โอลิมปิย่า สตาดิโอนู, กรุงบากู, อาเซอร์ไบจาน
"สิงห์บลูส์" ได้รับข่าวดีเมื่อ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ห้องเครื่องคนสำคัญผ่านความฟิตลงเป็นตัวจริง โดยขับเคลื่อนเกมตรงกลางร่วมกับ มาเตโอ โควาซิช และจอร์จินโญ่ ขณะที่สามประสานแดนหน้าเป็น เอแด็น อาซาร์, เปโดร โรดริเกซ และโอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ที่ลงดวลกับอดีตทีมเก่าอีกครั้ง
ทางฝั่งของ "ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล หมายมั่นจะคว้าแชมป์ยุโรปเป็นหนแรกในรอบ 25 ปีให้ได้ สภาพทีมฟิตปึ๊กทุกคนจะขาดแค่ เฮนริค มคิทาร์ยาน มิดฟิลด์อาร์เมเนีย ที่ตัดสินใจไม่เดินทางไปอาเซอร์ไบจาน ด้วยเหตุผลปัญหาด้านการเมือง
โดยเกมนี้ ปีเตอร์ เช็ก สตาร์ทตัวจริงลงเฝ้าเสาเจอกับทีมเก่า และจะลงสนามเป็นเกมสุดท้ายให้อาร์เซน่อล แนวรุกพร้อมส่ง อเล็กซองด์ ลากาแซตต์ และปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง ล่าตาข่าย โดยมี เมซุต โอซิล เพลย์เมกเกอร์ปั้นเกมสนับสนุน
ครึ่งแรก เปิดฉากมาได้แค่ 9 นาที เป็นทางฝั่ง "ไอ้ปืนใหญ่" ที่ได้ลุ้นขึ้นนำก่อนเลย จากจังหวะที่ เอนส์ลี่ย์ เมทแลนด์-ไนล์ส ลากบอลถึงเส้นหลังแล้วครอสแรงไปเสาแรก บอลโดน เกปา อาร์ริซาบาลาก้า ทุบออกมา ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง หวดซ้ำเข้าไปแต่บอลหลุดกรอบออกไป
นาที 18 แฟนสิงห์บลูส์ เกือบเงียบกริบ เมื่อ อเล็กซองด์ ลากาแซตต์ หลุดเข้าไปแตะบอลหลบ เกป้า แล้วล้มลงไปในเขตโทษ แม้แข้งอาร์เซน่อลจะฟ้องว่าเป็นจุดโทษ ทว่า จานลูก้า ร็อคคี่ เชิ้ตดำชาวอิตาลีไม่ว่าอะไร และให้เชลซีได้ลูกตั้งเตะจากปากประตู
กลายเป็น อาร์เซน่อล ที่บุกได้น้ำได้เนื้อกว่า นาที 28 เกือบพังตาข่ายได้อีกหน เมื่อ กรานิต ชาคา ลากตัดเข้ากลางแล้วตะบันด้วยขวาข้างไม่ถนัดบอลพุ่งเป็นจรวดผ่านมือ เกป้า ไปได้แล้วแต่เหินชนคานบนออกไปแบบน่าเสียดาย
นาที 34 เป็นโอกาสยิงเข้ากรอบหนแรกของเกมนี้ เมื่อ เอแมร์ซอน หลุดเข้า่ไปกดด้วยซ้ายเสาแรก แต่ดีที่บอลยังไปติดมือของ ปีเตอร์ เช็ก เซฟบอลออกมาหวุดหวิด
เกมรุกของทัพสิงห์บลูส์ เริ่มติดเครื่องขึ้นเรื่อยๆ คราวนี้ไอ้ปืนใหญ่หวิดเสียประตูอีกหน นาที 39 จอร์จินโญ่ ไหลบอลใกล้ๆให้ ชิรูด์ หลุดเข้าไปอัดด้วยซ้ายบอลพุ่งไปทางเสาไกลแต่ยังดีที่ ปีเตอร์ เช็ก ยังไวพุ่งปัดปลายนิ้ว เป็นเซฟสำคัญหนที่สองติดต่อกัน ที่ช่วยให้อาร์เซน่อลยังไม่เสียประตู
จบครึ่งเวลาแรก เชลซี ยังเสมอกับ อาร์เซน่อล 0-0
ครึ่งหลัง เริ่มมาได้แค่ นาที 49 กลายเป็น "สิงห์บลูส์" ที่ชิงขึ้นนำไปก่อน 1-0 จากจังหวะที่ เอแมร์ซอน ปัลมิเอรี่ เปิดบอลสั้นมาเสาแรกให้ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ เบียดเอาชนะกอสซิเอลนี่ก่อนพุ่งโขกบอลเสียบเสาแรก ผ่านมือ ปีเตอร์ เช็ก เข้าไปอย่างสวยงาม
ผ่านเข้านาทีที่ 60 แฟนบอลเดอะ กันเนอร์ส ต้องเงียบกันกริบอีกหน เมื่อ เชลซี หนีห่างเป็น 2-0 บอลขึ้นทางอาซาร์ทางด้านซ้าย ก่อนที่สตาร์ทีมชาติเบลเยียมจะเปิดเข้ากลางให้ เปโดร โรดริเกซ วิ่งมาซัดด้วยซ้ายพุ่งเสียบเสาไกล หมดปัญญาที่ เช็ก จะป้องกัน
เกมรับปืนใหญ่ เละเป็นโจ๊กไปเลย อีก 5 นาทีต่อมามาเสียประตูที่สาม จากจังหวะที่ เปโดร โรดริเกซ ไหลบอลเข้าไปในเขตโทษให้ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ กำลังจะวิ่งไปง้างยิงอยู่แล้ว แต่มาโดน เอนส์ลี่ย์ เมทแลนด์-ไนล์ส กระแทกหัวหอกชาวฝรั่งเศสทางด้านหลัง ผู้ตัดสินเป่าเป็นจุดโทษทันที ก่อนที่ เอแด็น อาซาร์ จะรับหน้าที่สังหารยิงเข้าไปอย่างใจเย็น เชลซี นำอาร์เซน่อล 3-0
อูไน เอเมรี่ ไม่มีทางเลือก แก้เกมในนาที 66 เปลี่ยนรวดเดียวสองคน ส่ง อเล็กซ์ อิโวบี้ ลงไปเล่นแทน ลูกัส ตอร์เรยร่า และถอดเอา นาโช่ มอนเรอัล ออกก่อนส่ง มัตเตโอ เกนดูซี่ ลงเล่นแทน
และ นาที 69 อาร์เซน่อล ก็ทวงประตูตีไข่แตกไล่มาเป็น 1-3 อย่างทันควัน เป็นบอลเก็บตกนอกกรอบของ อเล็กซ์ อิโวบี้ ก่อนที่เจ้าตัวจะสับไกยิงด้วยขวาบอลพุ่งติดไซด์ก้อยเบียดเสาเข้าไปอย่างเฉียบขาด
แต่ทัพปืนโตดีใจไม่เท่าไหร่ แค่นาที 72 เชลซี มาพังประตูนำโด่งเป็น 4-1 ทันที เป็นจังหวะสวนกลับบอลขึ้นมาทาง อาซาร์ กระชากบอลลากเข้าไปหน้ากรอบแล้วแทงออกซ้ายให้ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ หลุดเข้าไปก่อนอดีตแข้งปืนใหญ่จะงัดบอลเข้ากลางให้ อาซาร์ ที่วิ่งมายิงด้วยซ้ายหนีมือ ปีเตอร์ เช็ก เสียบมุมตาข่ายเข้าไป เป็นประตูที่สองของ อาซาร์ ในเกมนี้
นาที 75 อาซาร์ เกือบทำแฮตทริกได้สำเร็จ เมื่อรับบอลจาก ชิรูด์ ก่อนปั่นด้วยขวานอกกรอบ แต่ดีที่ ปีเตอร์ เช็ก คราวนี้เห็นทันพุ่งปัดบอลออกไป
นาที 80 แนวรับของอาร์เซน่อลยังปั่นป่วน คราวนี้เป็น วิลเลี่ยน ตัวสำรองที่ลงมาเล่นแทน เปโดร ได้บอลทางขวาก่อนเลี้ยงเข้าไปยิงบอลพุ่งจะเข้าอยู่แล้วแต่ เช็ก ยังปัดปลายนิ้วออกหลังไปได้
ช่วงท้ายเกม แม้ว่า อาร์เซน่อล มีโอกาสได้ลุ้นประตูบ้าง แต่บอลก็ยังไม่เปลี่ยนเป็นประตู จบเกม เชลซี ที่ไล่ถลุงในครึ่งเวลาหลัง ไล่ถล่มอาร์เซน่อล 4-1 ซิวแชมป์ถ้วยยูโรปาลีกเป็นสมัยที่ 2 อย่างยิ่งใหญ่ ส่วน อาร์เซน่อล นอกจากจะพลาดแชมป์ยุโรปในรอบ 25 ปี แล้ว ยังหมดสิทธิ์ได้ตั๋วอัตโนมัติเข้าไปเล่นใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่นหน้า
รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนาม
เชลซี (4-3-3) : เกปา อาร์ริซาบาลาก้า - เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า, อันเดรียส คริสเตนเซ่น, ดาวิด ลุยซ์, เอแมร์ซอน ปัลมิเอรี่ - มาเตโอ โควาซิช (รอสส์ บาร์คลี่ย์ น.76), จอร์จินโญ่, เอ็นโกโล่ ก็องเต้ - เปโดร โรดริเกซ (วิลเลี่ยน น.71), โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์, เอแด็น อาซาร์ (ดาวิเด้ ซัปปาคอสต้า น.89)
เทรนเนอร์ : เมาริซิโอ ซาร์รี่
อาร์เซน่อล (3-4-1-2) : ปีเตอร์ เช็ก - โซคราติส ปาปาสตาโธปูลอส, โลร็องต์ กอสซิแอลนี่, นาโช่ มอนเรอัล (มัตเตโอ เกนดูซี่ น.66) - เอนส์ลี่ย์ เมทแลนด์-ไนล์ส, กรานิต ชาคา, ลูกัส ตอร์เรร่า (อเล็กซ์ อิโวบี้ น.66), เซอัด โคลาซินัช - เมซุต โอซิล (โจเซ็ป วิลล็อค น.77) - อเล็กซองด์ ลากาแซตต์, ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง
เทรนเนอร์ : อูไน เอเมรี่
ผู้ตัดสิน : จานลูก้า ร็อคคี่ (อิตาลี)
สยามสปอร์ต