HEADLINE NEWS ผลบอล : เชลซี เสียวท้ายเกมบุกเฉือน เลสเตอร์ ตามจ่าฝูง6แต้ม    ต้องให้เอเยนต์กล่อม!พาลเมอร์ รับตอนแรกไม่สนซบ เชลซี    ผลบอล เชลซี พบ อาร์เซน่อล : ปืนใหญ่ ไร้ชัย 4 เกมลีกนำก่อน สิงห์บลูส์ ไล่เจ๊ายึดที่3    วิเคราะห์บอล เชลซี พบ อาร์เซน่อล วันอาทิตย์ที่ 10 พ.ย. 67    ผลบอล เชลซี พบ โนอาห์: "สิงห์บลูส์" ขย้ำคู่แข่งยับรั้งจ่าฝูง คอนเฟอเรนซ์ ลีก   

11
พ.ค.
ลอนดอนเดือด! อาร์เซน่อลฟัดเชลซีศึกชิงถ้วยยูโรปาลีก



ถือเป็นฤดูกาลที่สุดยอดมากๆ สำหรับสโมสรจากศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในเวทียุโรป เพราะอย่างที่เราทราบกันไปแล้วว่า ลิเวอร์พูล กับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ จะชิงกันเองในถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และล่าสุดในถ้วยใบเล็กอย่าง ยูฟ่า ยูโรปา ลีก ก็เป็น "ออล-อิงลิช ไฟนั่ล" เช่นกัน แถมเป็นศึกดาร์บี้แมตช์แห่งกรุงลอนดอนด้วย เมื่อ อาร์เซน่อล กับ เชลซี จะต้องฟาดแข้งกันในเกมรอบชิงฯ ช่วงปลายเดือนนี้ หลังจากที่ทั้งสองทีมต่างฝ่าด่านรอบรองฯ มาได้สดๆ ร้อนๆ เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ 9 พฤษภาคม ที่ผ่านมา

สำหรับเส้นทางก่อนถึงรอบชิงฯ ของทั้งคู่ อาร์เซน่อล ภายใต้การนำทัพของกุนซือ อูไน เอเมรี่ ผ่านจากรอบแบ่งกลุ่มได้อย่างง่ายดายในฐานะแชมป์กลุ่ม อี ด้วยสถิติชนะ 5 เสมอ 1 แพ้ 0 โดยในรอบ 32 ทีมสุดท้าย พวกเขาเจอทีมจากเบลารุสอย่าง บาเต้ โบริซอฟ ซึ่งตอนแรกดูเหมือนไม่น่าจะลำบากอะไร แต่กลายเป็นว่า เกมแรกพวกเขาออกไปพ่ายก่อน 0-1 แต่ก็กลับมาคืนฟอร์มเก่งในเลกสองที่ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ด้วยการอัด บาเต้ 3-0 (สกอร์รวมสองนัด 3-1)

มาถึงรอบ 16 ทีม อาร์เซน่อล ได้ แรนส์ ทีมแกร่งจากฝรั่งเศส เป็นคู่แข่ง ซึ่งคราวนี้เจองานหนักกว่าเดิม เพราะเกมแรกออกไปพ่ายก่อนด้วยสกอร์ 1-3 แต่ลูกทีมของ เอเมรี่ ก็แสดงให้เห็นอีกครั้งว่า พวกเขาเจ๋งเหลือเกินยามเตะในบ้าน และคว้าชัยเหนือ แรนส์ แบบสบายๆ 3-1 ในเลกสอง (สกอร์รวมสองนัด 4-3)

รอบก่อนรองชนะเลิศ อาร์เซน่อล เจอกระดูกชิ้นโตจากอิตาลีอย่าง นาโปลี แต่ครั้งนี้กลายเป็นว่า "ไอ้ปืนใหญ่" ทำได้ดีเกินคาด เพราะอัดทีมของ คาร์โล อันเชลอตติ ได้ทั้งเหย้า-เยือน ด้วยสกอร์ 2-0 และ 1-0 (สกอร์รวมสองนัด 3-0)

ล่าสุดในรอบตัดเชือก อาร์เซน่อล โคจรมาชนกับ บาเลนเซีย ซึ่งเป็นทีมเก่าของ เอเมรี่ (เจ้าตัวเคยคุมในปี 2008-2012) และพวกเขาก็ทำได้สุดยอดอีกครั้ง เพราะจัดการกับ "ไอ้ค้างคาว" ได้ทั้งสองเกม โดยเกมแรกเปิดบ้านอัด 3-1 ก่อนที่จะบุกไปกระซวกไส้ที่ เมสตาย่า 4-2 เมื่อคืนที่ผ่านมา พร้อมตบเท้าเข้าสู่รอบชิงฯ แบบหล่อๆ ด้วยสกอร์รวมสองนัด 7-3

ด้าน เชลซี ของกุนซือ เมาริซิโอ ซาร์รี่ ก็ผ่านจากรอบแบ่งกลุ่มได้แบบสบายๆ เช่นกัน โดยคว้าแชมป์กลุ่ม แอล ด้วยสถิติชนะ 5 เสมอ 1 แพ้ 0 จากนั้นพวกเขาก็ผ่าน มัลโม (สวีเดน) คู่แข่งในรอบ 32 ทีม ได้แบบชิลๆ ด้วยสกอร์รวมสองนัด 5-1 (2-1, 3-0)

มาถึงรอบ 16 ทีมสุดท้าย "สิงห์บลูส์" ก็โหดต่อเนื่อง เมื่อไล่ยำ ดินาโม เคียฟ ยอดทีมจากยูเครน แบบไม่มียั้ง ด้วยสกอร์รวมสองนัด 8-0 โดยกด 3-0 ที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ ก่อนบุกไปบอมบ์ที่ยูเครน 5-0

สำหรับรอบก่อนรองฯ เชลซี ได้ สลาเวีย ปราก (สาธารณรัฐเช็ก) เป็นคู่แข่ง ซึ่งพวกเขาก็ผ่านได้ตามคาด ด้วยสกอร์รวมสองนัด 5-3 (1-0, 4-3) แม้แอบลุ้นเหนื่อยในเกมเลกสองที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์

ในรอบตัดเชือก เชลซี ได้ทีมแกร่งจากเมืองเบียร์อย่าง ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต เป็นคู่แข่ง ซึ่งคราวนี้ลูกทีมของ ซาร์รี่ เหงื่อตกของจริง โดยเกมแรกบุกไปเจ๊า 1-1 ที่ เยอรมนี ส่วนเลกสองที่บ้านตัวเอง ซึ่งเพิ่งจบไปสดๆ ร้อนๆ เชลซี ก็ออกตัวได้สวย เพราะขึ้นนำก่อนตั้งแต่นาทีที่ 28 จาก รูเบน ลอฟตัส-ชีค แต่ ลูก้า โยวิช ก็ซัดประตูช่วย แฟร้งค์เฟิร์ต ไล่ตีเสมอได้ในนาทีที่ 49 และเกมการแข่งขันก็ยื้อยาวไปจนถึงการดวลจุดโทษหาทีมชนะ ซึ่งก็เป็น "สิงห์บลูส์" ที่ทำได้ดีกว่า ชนะดวลเป้าไป 4-3 ทำให้พวกเขาตบเท้าเข้าสู่รอบชิงฯ ได้สำเร็จ

ลองมองกันที่ความสำเร็จในถ้วยนี้ของทั้งสองสโมสร สำหรับ อาร์เซน่อล นั้น พวกเขายังไม่เคยไปถึงตำแหน่งแชมป์ และก่อนหน้านี้เคยเข้าถึงรอบชิงฯ ได้แค่หนเดียว ซึ่งเกิดขึ้นในปี 2000 (แพ้ดวลจุดโทษ กาลาตาซาราย 1-4, เสมอ 0-0 ใน 120 นาที) ดังนั้นเมื่อโอกาสนี้มาถึง พวกเขาจึงหมายมั่นที่จะคว้าแชมป์มาครองให้ได้ เพื่อเป็นการลบคำสบประมาทที่ว่า อาร์เซน่อล กับความสำเร็จในเวทียุโรป เหมือนเป็นเส้นขนานที่ยากจะมาบรรจบกัน เพราะในประวัติศาสตร์สโมสรนั้น แชมป์ คัพ วินเนอร์ส คัพ เมื่อซีซั่น 1993/94 คือความสำเร็จเดียวในเวทียุโรปของพวกเขา หากไม่นับรวมสมัยที่เคยได้แชมป์ แฟร์ส คัพ (ถ้วยที่ ยูฟ่า ยังไม่รับรอง) เมื่อซีซั่น 1969/70

ขณะที่ทางฝั่ง เชลซี ถือว่าประสบความสำเร็จในเวทียุโรปเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนับตั้งแต่ช่วงปลายยุค 90 เป็นต้นมา และในรายการนี้พวกเขาก็เคยได้แชมป์มาแล้ว 1 สมัย เมื่อฤดูกาล 2012/13 ที่พิชิต เบนฟิก้า 2-1 ในเกมรอบชิงฯ ซึ่งพวกเขามาได้ประตูชัยในนาทีที่ 90+3 จากการโขกย้อยๆ ของ บรานิสลาฟ อิวาโนวิช ... เชื่อว่าแฟนบอล "สิงห์บลูส์" คงจำกันได้ดี และครั้งนี้ "สิงห์บลูส์" เข้าถึงรอบชิงฯ อีกครั้ง แถมได้คู่ปรับร่วมเมืองอย่าง อาร์เซน่อล เป็นคู่แข่ง นับว่าเป็นเกมชิงดำที่น่าสนใจเหลือเกิน

สำหรับเกมรอบชิงชนะเลิศนั้น จะฟาดแข้งกันที่สนาม โอลิมปิก สเตเดี้ยม กรุงบากู ประเทศอาเซอร์ไบจาน วันพุธที่ 29 พฤษภาคมนี้ โดยจะเริ่มคิกออฟในเวลา 02.00 น. (ตามเวลาประเทศไทย)

- Subinho -

สยามสปอร์ต


CHELSEA THAILAND FANCLUB
เวบไซต์สำหรับคอบอลเชลซีตัวจริง

© 2018-2024 Chelseafc.in.th All Rights Reserved.