โจชัว คิง อดีตเด็กปั้นปีศาจแดง ร่ายฟอร์มเก่งซัลโวคนเดียวสองเม็ดพา บอร์นมัธ เปิดบ้านไล่ถล่ม เชลซี ขาดลอย 4-0 ส่งผลให้ "สิงห์บลูส์" แต้มหยุดที่ 47 คะแนนเท่ากับ อาร์เซน่อล

แต่โดนแซงขึ้นที่4แม้ลูกได้เสียเท่ากันแต่ทัพปืนยิงได้มากกว่า และมากกว่า แมนฯยูไนเต็ด แค่ 2 แต้มเท่านั้น ส่วนบอร์นมัธพุ่งขึ้นที่ 10 ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อคืนวันพุธที่ 30 ม.ค.ที่ผ่านมา

สนาม : ไวทาลิตี้ สเตเดี้ยม

เอ็ดดี้ ฮาว กุนซือเจ้าถิ่นเกมนี้ไร้ คัลลั่ม วิลสัน ที่ไม่ผ่านความฟิต ทำให้เกมนี้ จูเนียร์ สตานิสลาส ลงทำหน้าที่หน้าต่ำ แล้วดัน โจชัว คิง เป็นหน้าเป้า

ส่วนทางฝั่ง เชลซี ของ เมาริซิโอ ซาร์รี่ เกมนี้ได้ เอแด็น อาซาร์ กลับมาปั้นเกมหลังได้พักในเกมเอฟเอ คัพ ล่าสุด โดยจะประสานงานกับ เปโดร โรดริเกซ และกอนซาโล่ อิกวาอิน หัวหอกตัวใหม่

ก่อนเกมทั้งสองทีมได้ยืนรำลึกถึง เอมิเลียโน่ ซาล่า กองหน้าผู้สาบสูญระหว่างเดินทางโดยเครื่องบินส่วนตัวจากน็องต์ สโมสรเก่าของเขา มาค้าแข้งในพรีเมียร์ลีกกับ คาร์ดิฟฟ์

ออกสตาร์ทเกมมาได้แค่ 3 นาที โจชัว คิง ลากบอลเข้ามายิงนอกกรอบด้วยขวาเต็มแรง บอลไปติดหัว ดาวิด ลุยซ์ จนล้มลงไป ก่อนผู้ตัดสิน โรเจอร์ อีสต์ จะเป่าหยุดเกมให้ทีมแพทย์เข้ามาดูอาการ

ถัดมา นาที 6 เปโดร ครอสบอลยาวเข้ากลางประตูบอลเลย อิกวาอิน ตกพื้นไปถึง โควาซิช โถมมาโหม่งแต่บอลไปชนคานกระเด้งออกมาอย่างน่าเสียดาย

"สิงห์บลูส์" เริ่มครองเกมได้เหนือกว่า นาที 11 ได้ลุ้นอีกหนจากจังหวะที อาซาร์ เลี้ยงบอลขึ้นมาก่อนโยกเข้าเท้าขวาแล้วอัดกว่า 20 หลาบอลพุ่งไปเสาสองแต่ยังไม่พ้นมือ อาร์เทอร์ โบรุค ที่ล้มตัวรับไว้ได้

นานๆที่เจ้าถิ่นจะมีโอกาสบ้าง นาที 20 จูเนียร์ สตานิสลาส ได้ส่องนอกกรอบแต่บอลก็เหินโด่งข้ามคานออกไป จากนั้นอีก 5 นาทีต่อมา เป็นทีมเยือนที่โต้กลั้บขึ้นมา เปโดร เลี้ยงตัดเข้ากลางแล้วซัดเร็วแต่บอลพุ่งไปตรงตัว โบรุค

นาที 34 บอร์นมัธ พลาดโอกาสขึ้นนำบ้าง จากจังหวะที่แนวรับเชลซีเคลียร์บอลไม่ดี สตีฟ คุ้ก ได้บอลทางขวาก่อนตักบอลเข้ากลางประตูให้ โจชัว คิง ขึ้นโขกบอลบางเลยไปเสาสองถึง เดวิด บรู๊คส์ ที่ยืนโล่งๆ ไม่ถึง 10 หลา แต่ดันโหม่งตรงตัว เกปา อย่างน่าเสียดาย

จากนั้น นาที 38 บรู๊คส์ ได้โอกาสอีกครั้ง คราวนี้ลากบอลจากครึ่งสนามแล้วตะบันด้วยซ้ายนอกกรอบเต็มแรงแต่บอลยังไม่ผ่านมือ เกปา ที่ล้มตัวรับไว้ ถัดมาไม่ถึงสองนาทีเป็นโอกาสของทีมเยือน อัซปิลิกวยต้า รับบอลจาก อาซาร์ แล้วปั่นโค้งๆ บอลจะพุ่งเสียบเสาสองอยู่แล้วแต่ โบรุค ยังไวพุ่งปัดบอลออกไปได้ทัน

เชลซี ยังบี้กดดันอย่างหนัก นาที 40 อาซาร์ เลี้ยงบอลเข้าไปในเขตทางซ้าย และตัดสินใจยิงเต็มแรงเสาแรกแต่บอลก็ยังตรงตัวนายด่านเจ้าถิ่นอีกหน

นาที 43 เจ้าถิ่นได้ลุ้นเลย จากจังหวะโต้กลับเร็ว โจชัว คิง เลี้ยงจี้แนวรับทีมเยือนก่อนไหลออกขวาให้ สตานิสลาส แต่บอลก็ยังพุ่งไปติดมือ เกปา ที่ทุบออกมาได้

จบครึ่งแรก บอร์นมัธ ยังเสมอกับ เชลซี 0-0

ครึ่งหลังกลับมาเล่นกันต่อ แค่เพียง นาที 47 แฟน บอร์นมัธ ได้เฮกันลั่นสนามเลย เมื่อมาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะที่ เดวิด บรู๊คส์ หักบอลเข้ากลางมาให้ โจชัว คิง วิ่งมายิงด้วยขวากลางประตูเข้าไป

นาที 57 หลังเสียประตู เชลซี หวังทวงคืนตีเสมอให้ได้ มัตเตโอ โควาซิช ยิงไปติดบล็อกเจ้าถิ่นก่อนมาเข้าทาง เปโดร อัดด้วยซ้ายนอกกรอบแต่ยังไปติดเซฟ เกป้า ปัดออกหลังไป

เมื่อทำไม่ได้ นาที 63 บอร์นมัธ ฉกฉวยความผิดพลาด หนีห่างเป็น 2-0 ดาวิด ลุยซ จ่ายบอลไปติด เดวิด บรู๊ดส์ แม้บอลจะมาติดลุยซ์อีกครั้งแต่กระดอนไปเข้าทาง โจชัว คิง ซึ่งไม่ล้ำหน้า ก่อนกระดกบอลให้ บรู๊คส์ ที่หลุดเข้าไปก่อนล็อกผ่าน ลุยซ์ อีกหนแล้วยิงด้วยซ้ายผ่านตัวเบียดเสาแรกเข้าไป

เกมรับของสิงห์เริ่มมีปัญหา และแล้วก็มาโดนเจาะลูกที่สามจนได้ นาที 74 สตานิสลาส ไหลบอลออกซ้ายให้ โจชัว คิง ที่ยืนโล่งๆหลุดเข้าไปอัดเต็มข้อบอลพุ่งเสียบเสาสองอย่างเฉียบขาด เป็นประตูที่สองของดาวยิงทีมชาตินอร์เวย์ในเกมนี้ให้ บอร์นมัธ นำห่าง เชลซี 3-0

ท้ายเกม นาที 80 สิงห์บลูส์ พลาดโอกาสตีไข่แตก หลัง อัซปิลิกวยต้า เติมขึ้นมาโขกเน้นๆที่เสาสองบอลไปตรงตัว โบรุค อย่างจังก่อนที่แนวรับเจ้าถิ่นจะเคลียร์ออกไปได้ทัน

แถมทดเจ็บ บอร์นมัธ มาพังประตูที่ 4 จาก ชาร์ลี่ ดาเนี่ยล ตัวสำรองลงมาพังตาข่ายใส่ทัพสิงห์ จบเกม บอร์นมัธ คว้าชัยชนะนัดแรกนับแต่ปีใหม่ หลังเปิดบ้านไล่ถล่ม เชลซี 4-0 พร้อมขยับขึ้นมาอยู่อันดับ 10 ส่วน "สิงห์บลูส์" แต้มหยุดที่ 47 คะแนนเท่ากับ อาร์เซน่อล ลูกได้เสียเท่ากันแต่ปืนใหญ่ยิงได้มากกว่าแซงขึ้นที่ 4 แทน ส่งให้ เชลซี ร่วงไปอยู่ที่ 5

รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนาม

บอร์นมัธ (4-4-1-1) : อาร์เทอร์ โบรุค - เนธาเนียล ไคลน์, สตีฟ คุ้ก, นาธาน อาเก้, อดัม สมิธ - เดวิด บรู๊คส์, แดน กอสลิ่ง, แอนดรูว์ เซอร์แมน, ไรอัน เฟรเซอร์ - จูเนียร์ สตานิสลาส - โจชัว คิง

ผู้จัดการทีม : เอ็ดดี้ ฮาว

เชลซี (4-3-3) : เกปา อาร์รีซาบาลาก้า - เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า, อันโตนิโอ รือดิเกอร์, ดาวิด ลุยซ์, เอแมร์ซอน ปัลมิเอรี่ - เอ็นโกโล่ ก็องเต้, จอร์จินโญ่, มาเตโอ โควาซิช - เปโดร โรดริเกซ, กอนซาโล่ อิกวาอิน, เอแด็น อาซาร์

ผู้จัดการทีม : เมาริซิโอ ซาร์รี่

ผู้ตัดสิน : โรเจอร์ อีสต์

www.siamsport.co.th